วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

วิธีการทำบุญให้เกิดสัมฤทธิ์ผลและการเบิกบุญ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงที่มาแห่งบุญไว้ 3 ประการย่อๆ คือ
1.     บุญเกิดจากการให้ทาน
2.     บุญเกิดจากการรักษาศีล
3.     บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ
         การสร้างความดีทุกประการนั้นล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทุกเรื่อง
บุญอันเกิดจากการให้ทาน ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสงฆ์ หรือให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะให้ของแก่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ขณะนั้นจะเกิดกระแสบุญสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้ ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำว่าหลักสำคัญที่สุด ขณะของหลุดจากมือเมื่อใส่บาตร/ถวายของพระสงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราต้องอธิฐานจิตแผ่บุญทันที อย่ามัวไปรอแผ่บุญตอนพระสวด ยะภา สัพพีฯเนื่องจากการแผ่ให้ตอนพระยถาฯ อย่างที่เคยปฏิบัติกันมานั้นผิด เพราะกระแสบุญนั้นได้เลือนไปสะสมเป็นกองบุญอยู่บนสวรรค์แทน เพราะฉะนั้น ต้องคิดแผ่บุญในทันทีว่า ขอบุญนี้จงเป็นของบิดา-มารดา-เทวดาผู้ปกปักรักษาตัวข้าพเจ้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเทวดา ภูติ-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ หรือใครก็แล้วแต่ที่เราอยากจะให้ ที่สถิตอยู่ในสถานที่บ้านเรื่อนของข้าพเจ้าหรือเป็นของเทวดาผู้ปกปักรักษาบิดา-มารดา ของข้าพเจ้า เป็นต้น และขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าต้องการแก้ปัญหาการกลัดกลุ้มในเรื่องใด
บุญอันเกิดจากการสวดมนต์-ภาวนา-เจริญสมาธิ ให้อธิฐานแผ่เมตตาก่อน เช่นว่า ขอบุญที่เกิดจากการสวดมนต์-ภาวนา-เจริญสมาธิต่อไปนี้ ถึงเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ข้าพเจ้าเจ็บป่วย (เป็นอะไร) หรือจะให้ใครก็ให้อธิฐานเอาเองแล้วก็เริ่มสวดมนต์ภาวนาได้เลย และหลังจากการสวดมนต์ภาวนาเสร็จก็ให้อุทิศบุญนี้ไปอีกครั้งหนึ่ง บุญที่เกิดจาก การสวดมนต์-ภาวนา-เจริญสมาธินี้ จะมีพะลานุภาพแรงยิ่งกว่าบุญจากการให้ทานมาก เพราะฉะนั้น พวกภูตผีชั้นต่ำมักรับไม่ค่อยได้ เราต้องเปิดช่องไว้ก่อน โดยการกล่าวก่อนเริ่มสวดมนต์ภาวนาดังที่กล่าวมาแต่ต้น เขาจะได้เตรียมตัวรับตามกำลังความสามารถของเขาเอง เพราะหากให้ตอนที่สวดมนต์ภาวนาเสร็จแล้ว ก็เปรียบเหมือนเราปล่อยน้ำที่พุ่งออกจากท่อดับเพลิง ซึ่งน้ำมีความแรงมาก และเขาเหล่านั้นเอาภาชนะที่ไม่เหมาะสมมารับ เขาจะรับไม่ได้เนื่องจากกำลังจิตของเขาไม่แข็งแรงพอ หาเราอธิฐานเปิดทางให้เขาเตรียมตัวไว้ก่อนก็เหมือนเปิดก๊อกน้ำออกค่อยๆ ใครที่ภาชนะน้อยก็เอามาตวงรับเอาตามกำลังที่เขามี 
แต่สำหรับเทวดาบุญหนักศักดิ์ใหญ่ท่านสามารถรับบุญใหญ่หลังภาวะนาได้อยู่แล้ว เปรียบเหมือนท่านมีโอ่งมีถังขนาดใหญ่สำหรับรองรับน้ำพุ่งแรงออกจากท่อดับเพลิงนั้นเอง
บุญอันเกิดจากการรักษาศีล การทำบุญด้วยการตั้งใจรักษาศีล ก็ย่อมเกิดกุศลขึ้นเช่นกัน ทุกครั้งที่ระลึกถึงศีลของตัวเองที่รักษาดีแล้ว ไม่ด่างพร้อย ก็สามารถอธิฐานส่งบุญได้ว่า บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้จงถึงแก่................. หรือในการทำความดีทุกอย่าง เช่น แม้แต่การพูดให้เขาได้สติคิดดี การได้ช่วยเหลือคน การได้ทำประโยชน์แก่ส่วนรวมย่อมก่อให้เกิดความปีติดีใจ นั้นแหละคือบุญ ให้รับส่งถึงผู้ที่เราต้องการให้บุญทันที
การเบิกบุญ
      การเบิกบุญเก่าที่เคยส่งสมมาแต่อดีตมาใช้ บุญที่เราทำไว้แล้วมีมากมายที่สะสมอยู่ในสรวงสวรรค์ ทั้งที่ได้ทำไว้แต่ปางก่อน หรือ ได้ทำไว้ในชาตินี้ เราสามารถเบิกบุญนั้นมาแจกจ่ายอุทิศให้แก่ผู้อยู่ในโลกวิญญาณ ได้เหมือนเรามีเงินฝากในธนาคาร เราก็ใช้เอทีเอ็มกดเบิกเงินออกมาใช้จ่าย แต่การเบิกบุญนั้น ที่สำคัญที่ลืมไม่ได้เลยคือ ต้องอาศัยอำนาจพระรัตนตรัยขึ้นนำก่อนเสมอ คือให้ตั้งจิตอธิฐานว่า ด้วยอำนาจของพระพุทธองค์ ด้วยอำนาจของพระธรรม ด้วยอำนาจของพระสงฆ์ จงดลบันดาลให้บุญของข้าพเจ้าที่ได้ทำมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติถึงแก่ใครก็ตั้งจิตอธิฐานเอาการเบิกบุญแจกนี้สามารถให้ได้ทุกทีทุกเวลา เมื่อนึกขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ฯลฯ


ที่มา : หนังสือธรรมะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น